นโยบายฟรีวีซ่าคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายคอนโดมิเนียม.

รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ฯ นายวิชัย วิรัตกะพันธ์ คาดว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและกฎระเบียบที่เข้มงวดในการกู้ยืมของสถาบันการเรับจดทะเบียนบริษัทงิน

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ช้า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราส่วนหนี้ครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์และอุปทานในช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา

ทรงแนะนำให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการขายอสังหาริมทรัพย์ เช่น มาตรการสินเชื่อต่อมูลค่า (LTV) เพิ่มโควต้าการถือครองคอนโดมิเนียมในต่างประเทศ และให้ภาคเอกชนซื้อคืนอสังหาริมทรัพย์ได้

นอกจากนี้เขายังคาดหวังนโยบายของเศรษฐาที่จะเสนอวีซ่าฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียเพื่อเพิ่มยอดขายคอนโดมิเนียม

มาตรการที่ชัดเจนเพื่อกระตุ้นการขายอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นสิ่งจำเป็นซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล เขากล่าว

สุรเชษฐ์ คงชีพ กรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ Property DNA กล่าวว่า ยังคงมีความต้องการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยที่แข็งแกร่งในหมู่ชาวต่างชาติ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น

จากข้อมูลของ REIC การโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมให้กับชาวต่างชาติเพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุนได้ฟื้นตัวขึ้นแล้วในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19

คอนโดมิเนียมจำนวน 7,338 ยูนิต มูลค่า 35.21 พันล้านบาท ถูกโอนไปยังชาวต่างชาติในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 65.6% และ 57.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามลำดับ

ผู้ซื้อชาวจีนจับจองคอนโดมิเนียมมากที่สุดในช่วง 6 เดือนแรก ซื้อได้ 3,448 ยูนิต มูลค่า 16.99 พันล้านบาท

ตามมาด้วยรัสเซีย (702 ยูนิต มูลค่า 2.55 พันล้านบาท) อเมริกัน (293 ยูนิต มูลค่า 1.28 พันล้านบาท) ฝรั่งเศส (269 ยูนิต มูลค่า 1.12 พันล้านบาท) และอังกฤษ (260 ยูนิต มูลค่า 1.28 พันล้านบาท)

ชาวเมียนมาร์ใช้จ่ายมากที่สุดเฉลี่ยต่อคอนโดมิเนียม 7 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ซื้อชาวอินเดียเลือกห้องที่กว้างขวางที่สุดโดยเฉลี่ย 89.8 ตร.ม.

ข้อมูลจาก https://www.nationthailand.com/