นโยบายพรรคการเมืองเพื่อผู้สูงอายุของประเทศไทย.

ในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 พรรคการเมืองหลายพรรคได้เปิดตัวนโยบายหาเสียงเพื่อแสวงหาผู้มีสิทธิเลือกตั้งสูงอายุ ซึ่งคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดผลการเลือกตั้ง รับจดทะเบียนบริษัท

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตประชากรสูงอายุ โดยเกือบ 20% ของประชากร 66 ล้านคนมีอายุมากกว่า 60 ปี แนวโน้มทางประชากรนี้ก่อให้เกิดความท้าทายที่สำคัญต่อการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนระบบการรักษาพยาบาลและสวัสดิการ

นโยบายหลักในการช่วยเหลือผู้สูงอายุของพรรคการเมืองใหญ่ 9 พรรค ได้แก่

– พรรครวมชาติไทย : พรรคของนายกรัฐมนตรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา สัญญาว่าจะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็นอัตราคงที่ 1,000 บาท แทนอัตราปัจจุบัน 600 ถึง 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับอายุ พรรคยังให้คำมั่นที่จะสร้างศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและลดภาษีสำหรับบริษัทที่จ้างคนวัยเกษียณ

– พรรคเพื่อไทย: พรรคของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร สัญญาจะปรับปรุงโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท เพื่อยกระดับการดูแลผู้สูงอายุ พรรคยังเสนอระบบลอตเตอรีใหม่ซึ่งอาจรวมถึงแผนการออมเพื่อการเกษียณอายุโดยใช้ส่วนหนึ่งของราคาที่จ่ายไปสำหรับการซื้อตั๋วที่ไม่ชนะ

– พรรคประชาธิปัตย์: พรรคของอดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสนอให้มีการบังคับให้คนทำงานต้องออมไว้ใช้ยามเกษียณ พรรคยังแนะนำให้คนงานสามารถถอนเงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อซื้อบ้านหรือทรัพย์สินอื่นๆ พรรคประชาธิปัตย์หนุนขยายอายุเกษียณจาก 60 ปี พร้อมปรับปรุงระบบการรักษาพยาบาลให้ดูแลผู้สูงอายุได้ดีขึ้น

– พรรคพลังประชารัฐ : พรรคของอดีตนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล เรียกร้องให้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาท 4,000 บาท และ 5,000 บาท สำหรับผู้ที่มีอายุ 60, 70 และ 80 ปี ตามลำดับ

– พรรคเดินหน้า: พรรคอนาคตใหม่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สัญญาว่า จะเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุเป็น 3,000 บาทต่อเดือน ภายในปี 2570 พรรคยังมีแผนที่จะวางระบบดูแลผู้สูงอายุติดเตียงแต่บอกว่า ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ผู้ป่วยควรเป็นผู้จ่ายเอง พรรคสัญญาว่าจะจัดสรรงบประมาณเดือนละ 9,000 บาท เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดเตียงหรือผู้พิการ

– พรรคไทยสร้างไทย: พรรคของอดีตนายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ รับปากจะทยอยขึ้นเบี้ยยังชีพคนชราเป็นเดือนละ 3,000 บาท ในระยะแรกจะใช้กับคนจนเท่านั้น พรรคระบุต้องใช้งบประมาณสูงถึง 4.2 แสนล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมผู้สูงอายุทั้งหมด พรรคยังมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้คนงานเข้าร่วมกองทุนบำเหน็จบำนาญ โดยตั้งเป้าเพิ่มจาก 1.1 ล้านคนเป็น 5 ล้านคน

– พรรคชาติพัฒนากล้า: พรรคของอดีตผู้ว่าฯ กทม. สุขุมพันธุ์ บริพัตร สัญญาว่าจะอุดหนุนธุรกิจที่จ้างคนวัยเกษียณ นอกจากนี้ยังจะจัดสรรเงิน 50,000 บาทต่อครอบครัวสำหรับการปรับปรุงบ้านเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับความสะดวกมากขึ้น พรรคกล่าวว่างบประมาณจะถูกจัดสรรให้กับ 4 ล้านครอบครัวในช่วงปีแรกที่ดำรงตำแหน่ง หากพรรคนี้ชนะการเลือกตั้ง

– พรรคภูมิใจไทย : พรรคของอดีต รมว.คมนาคม ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ตั้งกองทุนประกันชีวิตผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คนป่วยกู้ได้คนละ 100,000 สมาชิกกองทุนกู้ได้คนละ 20,000

นี่คือนโยบายบางส่วนที่มุ่งตอบสนองความต้องการและข้อกังวลของประชากรสูงวัยในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้และความยั่งยืนของข้อเสนอเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแง่ของข้อจำกัดทางการคลังของประเทศและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจท่ามกลางการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ท้ายที่สุดแล้ว จะขึ้นอยู่กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะตัดสินใจว่าพรรคใดสามารถปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของตนได้ดีที่สุด และรับประกันชีวิตที่มีเกียรติและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย

ข้อมูลจาก https://www.thailand-business-news.com/